การเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์
การเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์ ระบบเบรกรถยนต์เป็นระบบที่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่ มีหน้าที่ในการชะลอความเร็วหรือหยุดรถเมื่อต้องการ โดยอาศัยแรงเสียดสีระหว่างผ้าเบรกและจานเบรกที่ติดตั้งอยู่ที่ล้อรถ
ระบบเบรกรถยนต์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
- ระบบเบรกแบบดรัม (Drum Brake) เป็นระบบเบรกแบบดั้งเดิมที่มักใช้กับรถยนต์รุ่นเก่า ประกอบด้วยจานเบรกทรงกระบอกติดตั้งอยู่ที่ดุมล้อ ผ้าเบรกจะติดตั้งอยู่บนก้ามเบรก เมื่อเหยียบเบรก ก้ามเบรกจะเลื่อนไปประกบกับจานเบรก ทำให้ผ้าเบรกและจานเบรกเสียดสีกัน ส่งผลให้ล้อหยุดหมุน
- ระบบเบรกแบบดิสก์ (Disc Brake) เป็นระบบเบรกที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ประกอบด้วยจานเบรกทรงกลมแบนติดตั้งอยู่ที่ดุมล้อ ผ้าเบรกจะติดตั้งอยู่บนคาลิปเปอร์ เมื่อเหยียบเบรก คาลิปเปอร์จะดันผ้าเบรกไปประกบกับจานเบรก ทำให้ผ้าเบรกและจานเบรกเสียดสีกัน ส่งผลให้ล้อหยุดหมุน
การเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องหมั่นตรวจเช็คและเปลี่ยนตามระยะทางที่กำหนด โดยระยะทางที่ควรเปลี่ยนผ้าเบรกนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพการขับขี่ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 20,000-40,000 กิโลเมตร หรือสังเกตจากสัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถยนต์
สัญญาณเตือนการเปลี่ยนผ้าเบรก
สัญญาณเตือนการเปลี่ยนผ้าเบรก
- เมื่อเหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าเบรกไม่ดูด หรือต้องเหยียบเบรกแรงขึ้นกว่าปกติ
- ได้ยินเสียงดังจากล้อรถเมื่อเหยียบเบรก
- สังเกตเห็นร่องรอยการเสียดสีของผ้าเบรกบนจานเบรกที่เริ่มหนาขึ้น
ข้อควรระวังในการเปลี่ยนผ้าเบรค
- ควรเปลี่ยนผ้าเบรกคู่กันทั้ง 4 ล้อ
- ควรเลือกใช้ผ้าเบรกที่มีคุณภาพดีและเหมาะสมกับรถยนต์รุ่นที่ใช้
- ควรเปลี่ยนผ้าเบรกโดยช่างผู้ชำนาญการ
การบำรุงรักษาระบบเบรกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อการใช้งาน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้
ขั้นตอนการเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์
- ยกรถขึ้นโดยใช้แม่แรง
- ถอดล้อรถออก
- ถอดคาลิปเปอร์เบรกออก
- ถอดผ้าเบรกเก่าออก
- ทาจาระบีหรือซิลิโคนกันน้ำที่ผิวหน้าของจานเบรค
- ใส่ผ้าเบรกใหม่
- ใส่คาลิปเปอร์เบรกกลับ
- ขันล้อรถให้แน่น
- ทดลองเบรกเพื่อเช็คประสิทธิภาพ
การบำรุงรักษาระบบเบรกการบำรุงรักษาระบบเบรก
การบำรุงรักษาระบบเบรก อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อการใช้งาน
ระบบเบรกรถยนต์ เป็นระบบที่สำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่ มีหน้าที่ในการชะลอความเร็วหรือหยุดรถเมื่อต้องการ โดยอาศัยแรงเสียดสีระหว่างผ้าเบรกและจานเบรกที่ติดตั้งอยู่ที่ล้อรถ ดังนั้นจึงต้องหมั่นตรวจเช็คและบำรุงรักษาระบบเบรกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
วิธีดูแลรักษาระบบเบรกรถยนต์
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก ทุก ๆ 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร น้ำมันเบรกทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งแรงดันจากแป้นเบรกไปยังผ้าเบรก ดังนั้นจึงต้องหมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกตามระยะทางที่กำหนด เพื่อให้น้ำมันเบรกยังคงมีประสิทธิภาพในการหล่อลื่นและระบายความร้อนได้ดี
- เช็คระยะห่างผ้าเบรก ทุก ๆ 10,000-20,000 กิโลเมตร ผ้าเบรกเป็นส่วนที่สึกหรอได้ง่ายที่สุด ดังนั้นจึงต้องหมั่นตรวจเช็คระยะห่างผ้าเบรกอยู่เสมอ หากผ้าเบรกเริ่มสึกหรอจนเหลือน้อย ควรรีบเปลี่ยนใหม่ทันที
- ตรวจสอบผ้าเบรก ทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร ผ้าเบรกที่เริ่มสึกหรอจะมีลักษณะบางลง อาจมีร่องรอยการเสียดสีหรือแตกร้าว หากพบสิ่งผิดปกติควรรีบเปลี่ยนใหม่ทันที
- เปลี่ยนจานเบรคและการเจียรจานเบรค เมื่อจานเบรคเริ่มสึกหรอจนบางลงหรือมีคราบสกปรกเกาะติด ควรเปลี่ยนจานเบรคใหม่ หรือทำการเจียรจานเบรคหากจานเบรคยังสามารถใช้งานได้อยู่
- การทำความสะอาดจานเบรค หากมีจารบีหรือสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ที่จานเบรค ควรใช้น้ำยาล้างจานเบรคโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้น้ำมันอื่นๆมาทำความสะอาด
เบรกและผ้าเบรกที่มีคุณภาพ ควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- ประสิทธิภาพการเบรกที่ดี เบรกควรสามารถหยุดรถได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยไม่เกิดอาการลื่นไถลหรือสะดุด
- ความทนทาน เบรกและผ้าเบรกควรมีความทนทานต่อการสึกหรอ สามารถใช้งานได้นานโดยไม่เสื่อมประสิทธิภาพ
- เสียงรบกวนต่ำ เบรกควรทำงานได้อย่างเงียบสนิท ไม่ส่งเสียงรบกวนขณะใช้งาน
- ราคาเหมาะสม เบรกและผ้าเบรกควรมีราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพ
เบรกและผ้าเบรกที่มีคุณภาพในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่
ผ้าเบรกแบบออร์แกนิก (Organic Brake Pads) เป็นผ้าเบรกที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ เช่น เส้นใยไม้ เส้นใยฝ้าย เส้นใยเคฟลาร์ เป็นต้น ผ้าเบรกประเภทนี้มีความนุ่มนวลในการเบรก และให้เสียงรบกวนต่ำ แต่ประสิทธิภาพการเบรกอาจไม่ดีเท่าผ้าเบรกประเภทอื่นๆ
ผ้าเบรกแบบเซรามิก (Ceramic Brake Pads) เป็นผ้าเบรกที่ผลิตจากเซรามิกผสมกับโลหะบางชนิด ผ้าเบรกประเภทนี้มีประสิทธิภาพการเบรกสูง และให้เสียงรบกวนต่ำ แต่ราคาค่อนข้างสูง
ผ้าเบรกแบบกึ่งโลหะ (Semi-Metallic Brake Pads) เป็นผ้าเบรกที่ผลิตจากโลหะผสม ผ้าเบรกประเภทนี้มีประสิทธิภาพการเบรกสูง และให้เสียงรบกวนต่ำ แต่อาจสึกหรอเร็วกว่าผ้าเบรกประเภทอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังมีผ้าเบรกแบบอื่นๆ เช่น ผ้าเบรกแบบเรซิน (Resin Brake Pads) ผ้าเบรกแบบกึ่งเซรามิก (Semi-Ceramic Brake Pads) เป็นต้น ซึ่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของผู้ขับขี่
สำหรับการเลือกผ้าเบรก ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
ประเภทของรถ ผ้าเบรกแต่ละประเภทมีการออกแบบมาสำหรับรถประเภทต่างๆ เช่น รถเก๋ง รถกระบะ รถบรรทุก เป็นต้น
สไตล์การขับขี่ หากผู้ขับขี่มีสไตล์การขับขี่ที่ดุดัน ต้องการประสิทธิภาพการเบรกสูง อาจเลือกผ้าเบรกแบบเซรามิกหรือกึ่งโลหะ
งบประมาณ ผ้าเบรกแต่ละประเภทมีราคาแตกต่างกันไป ผู้ขับขี่ควรเลือกผ้าเบรกที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับงบประมาณ
หากผู้ขับขี่ไม่แน่ใจว่าควรเลือกผ้าเบรกแบบใด ควรปรึกษาช่างผู้ชำนาญการ เพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับการใช้งาน
สนใจข้อมูลเพิ่มเติม : ดูแลรถยนต์